ในปี พ.ศ. ๒๕๑๘ สตรีซึ่งเป็นศิษย์องค์หลวงตาท่านหนึ่ง ชื่อ คุณเพาพงา วรรธนะกุล ได้ป่วยไข้ไม่สบายจึงไม่คิดทำงานทางโลกอีกต่อไป คุณเพาพงาได้เขียนจดหมายขอมาปฏิบัติจิตตภาวนาเตรียมรับกับมรณภัยที่วัดป่าบ้านตาด ซึ่งท่านก็ได้ให้ความอนุเคราะห์ตามที่ขอและตั้งใจไปแสดงธรรมเป็นกรณีพิเศษ ดังนี้:—
“…คุณเพาเราเสีย(ชีวิต) ไปกี่ปีแล้ว ปี ๒๕๑๙-๒๕๒๐ ไม่รู้นะ เหตุที่ว่าอย่างนั้นก็คือว่า คุณเพานี้เป็นโรคมะเร็งในกระดูกข้างๆนี้ หมอเขาบอกว่าอยู่อย่างนานได้ ๖ เดือน แกก็หมดหวังแล้ว เลยเขียนจดหมายไปหาเราที่อุดรฯ หมอว่าอย่างนั้นแล้วเหมือนว่าหมดหวังละ เลยเขียนจดหมาย ‘อยากจะมาภาวนาก่อนตาย’
เราก็พูดเป็นสองพักเอาไว้ (ตอบจดหมาย) ‘ถ้าไปภาวนาธรรมดาๆ นี้ อยากอยู่ที่ไหน ไปที่ใดไปก็ได้ ไม่ไปก็ไม่ว่า’ เราว่างั้นนะ ข้อสอง ‘ถ้าตั้งใจจะภาวนาจริงๆ เพื่อเห็นโทษแห่งความตายของตัวเองแล้วก็ เอา! ไปได้’ เราว่าสองพัก
พอแกได้รับจดหมาย ตอนเย็นวันนี้แกก็ออกเดินทางเลย ตอนเช้าไปถึงแล้ว ไปรถยนต์ ‘อ้าว จดหมายได้รับหรือยัง’ ‘ได้รับเมื่อเย็นวานนี้ พอได้รับแล้วก็มาเลย’ ‘เอ้า ถ้าอย่างนั้นให้เลือกเอา กุฏิที่ อุไร ห้วยธาร อยู่ กับกุฏิคุณหญิงก้อย สองหลังนี่ให้เลือกเอา เป็นที่สงัด จะพักหลังไหนก็ได้’ ก็ตอบว่า ‘พักหลังคุณหญิงก้อย’ แต่ก่อนมันเตี้ยๆ พึ่งยกขึ้นเมื่อเร็วๆนี้…
ตั้งแต่วันนั้นมาเราเข้าไปเทศน์ให้ฟังทุกวันนะ ดูเหมือนเป็นปี ๒๕๑๘–๒๕๑๙ เทศน์ให้ฟังทุกเย็น พอตกเย็นมาจวนมืดแล้ว ไปกับท่านปัญญา ท่านปัญญาเป็นผู้อัดเทป เราไปเทศน์ให้ฟังทุกเย็นๆเลย เว้นแต่วันไหนประชุมพระ หรือเรามีธุระจำเป็นเราก็บอกล่วงหน้า เอาไว้ว่าวันพรุ่งนี้จะไม่เข้ามา นอกจากนั้นเทศน์ทุกวันๆ ดูเหมือน ๙๐ กว่ากัณฑ์ ไปอยู่นั้นตั้ง ๓ เดือน นั่นละจึงได้หนังสือเล่มที่ว่า ‘ศาสนาอยู่ที่ไหน’ หนึ่ง ‘ธรรมะชุดเตรียมพร้อม’ หนึ่ง สองเล่มนี่ที่เทศน์ติดกันไปเรื่อยๆ เป็นหนังสือสองเล่มนี้ ก็อยู่ในย่านปี ๒๕๑๙ มั้ง แกเสียปีนั้น เราลืมๆเสีย…”